Shadow Slave
-
Chapter 1: Nightmare Begins
Shadow Slave ตอนที่ 1: ฝันร้ายเริ่มต้นขึ้น
A frail-looking young man with pale skin and dark circles under his eyes was sitting on a rusty bench across from the police station. He was cradling a cup of coffee in his hands — not the cheap synthetic type slum rats like him had access to, but the real deal. This cup of plant-based coffee, usually available only to higher rank citizens, had cost most of his savings. But on this particular day, Sunny decided to pamper himself.
ชายหนุ่มหน้าตาอ่อนแอ ผิวซีด และมีรอยคล้ำใต้ตา กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งขึ้นสนิมตรงข้ามสถานีตำรวจ เขาถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ — ไม่ใช่หนูสลัมสังเคราะห์ราคาถูกอย่างเขาที่เข้าถึงได้ แต่เป็นของจริง กาแฟจากพืชแก้วนี้ ซึ่งโดยปกติจะมีเฉพาะสำหรับพลเมืองระดับสูงเท่านั้น ทำให้เขาต้องประหยัดเงินส่วนใหญ่ไป แต่ในวันนี้ ซันนี่ตัดสินใจที่จะตามใจตัวเอง
After all, his life was coming to an end.
ท้ายที่สุดแล้วชีวิตของเขากำลังจะสิ้นสุดลง
Enjoying the warmth of the luxurious drink, he raised the cup and savored the aroma. Then, tentatively, he took a small sip… and immediately grimaced.
เพลิดเพลินกับความอบอุ่นของเครื่องดื่มที่หรูหรา เขายกถ้วยขึ้นและลิ้มรสกลิ่นหอม จากนั้น เขาก็จิบเบาๆ… และทำหน้าบูดบึ้งทันที
"Ah! So bitter!" “อ่า! ขมมาก!”
Giving the cup of coffee an intense look, Sunny sighed and forced himself to drink some more. Bitter or not, he was determined to get his money's worth — taste buds be damned.
ซันนี่มองแก้วกาแฟอย่างเข้มข้น ถอนหายใจและบังคับตัวเองให้ดื่มเพิ่ม ไม่ว่าจะขมหรือไม่ก็ตาม เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้เงินให้คุ้มค่า — ต่อมรับรสต้องสาป
"I should have bought a piece of real meat instead. Who knew actual coffee is so disgusting? Well. It's going to keep me awake, at least."
“ฉันควรจะซื้อเนื้อจริงๆ สักชิ้นแทน ใครจะรู้ว่ากาแฟจริงๆ นั้นน่ารังเกียจมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันตื่น”
He stared into the distance, dozing off, and then slapped himself in the face to wake up.
เขาจ้องมองไปในระยะไกล หลับไป จากนั้นตบหน้าตัวเองเพื่อตื่นขึ้นมา
"Tsk. What a rip-off." "จุ๊ นี่มันช่างฉ้อฉลจริงๆ"
Shaking his head and cursing, Sunny finished the coffee and stood up. Rich people living in this part of the city were rushing past the small park on their way to work, staring at him with strange expressions. Looking haggard in his cheap clothes and from the lack of sleep, unhealthily thin and pale, Sunny was indeed out of his place here. Also, everyone seemed so tall. Watching them with a bit of envy, he tossed the cup into a garbage bin.
ซันนี่ส่ายหัวและสาปแช่ง ซันนี่ดื่มกาแฟเสร็จและลุกขึ้นยืน คนรวยที่อาศัยอยู่ในส่วนนี้ของเมืองต่างรีบวิ่งผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ระหว่างทางไปทำงาน จ้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ซันนี่ดูซีดเซียวในชุดเสื้อผ้าราคาถูก และจากการนอนไม่หลับ ผอมเพรียวและซีดอย่างไม่ดีต่อสุขภาพ ซันนี่จึงไม่อยู่ในที่ของเขาที่นี่จริงๆ นอกจากนี้ทุกคนยังดูสูงมากอีกด้วย เมื่อมองดูพวกเขาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย เขาก็โยนถ้วยลงในถังขยะ
"I guess that's what three full meals a day would do to you."
“ฉันเดาว่านั่นคือสิ่งที่สามมื้อต่อวันจะช่วยคุณได้”
The cup missed the bin by a wide margin and fell on the ground. Sunny rolled his eyes in exasperation, walked over and picked it up before carefully putting it in the trash. Then, with a slight grin, he crossed the street and entered the police station.
ถ้วยพลาดถังไประยะหนึ่งและตกลงไปบนพื้น ซันนี่กลอกตาด้วยความโกรธ เดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะทิ้งลงถังขยะอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เดินข้ามถนนและเข้าไปในสถานีตำรวจด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
Inside, a tired-looking officer gave him a quick glance and frowned with obvious distaste.
ข้างใน เจ้าหน้าที่ที่ดูเหนื่อยหน่ายมองเขาอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"Are you lost, boy?" “หายแล้วเหรอเจ้าหนู?”
Sunny looked around with curiosity, noting reinforced armor plates on the walls and poorly hidden turret nests in the ceiling. The officer, too, looked scruffy and mean. At least police stations remained the same wherever you go.
ซันนี่มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น โดยสังเกตเห็นแผ่นเกราะเสริมความแข็งแรงบนผนังและรังป้อมปืนที่ซ่อนอยู่ไม่ดีบนเพดาน เจ้าหน้าที่ก็ดูบูดบึ้งและใจร้ายเช่นกัน อย่างน้อยสถานีตำรวจก็ยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน
"Hey! I'm talking to you!"
“เฮ้! ฉันกำลังคุยกับคุณ!”
Sunny cleared his throat.
ซันนี่กระแอมในลำคอ
"Uh, no." "เอ่อไม่มี"
Then he scratched the back of his head and added:
จากนั้นเขาก็เกาหลังศีรษะแล้วกล่าวต่อไปว่า:
"As demanded by the Third Special Directive, I am here to surrender myself as a carrier of the Nightmare Spell."
"ตามที่คำสั่งพิเศษที่สามเรียกร้อง ฉันมาที่นี่เพื่อมอบตัวในฐานะผู้ขนส่งเวทมนตร์แห่งฝันร้าย"
The officer's expression instantly changed from irritated to wary. He looked the young man over once again, this time with piercing intensity.
สีหน้าของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นระมัดระวังทันที เขามองชายหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้ด้วยความรุนแรงที่เฉียบแหลม
"Are you sure you are infected? When did you start showing symptoms?"
“แน่ใจเหรอว่าติดเชื้อ?เริ่มแสดงอาการเมื่อไหร่?”
Sunny shrugged. ซันนี่ยักไหล่
"A week ago?" "สัปดาห์ที่ผ่านมา?"
The officer became visibly paler.
เจ้าหน้าที่ก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
"Shit." "อึ."
Then, with a hurried motion, he pressed a button on his terminal and bellowed:
จากนั้น ด้วยความเร่งรีบ เขาก็กดปุ่มบนเครื่องเทอร์มินัลแล้วตะโกนว่า:
"Attention! Code Black in the lobby! I repeat! CODE BLACK!"
"โปรดทราบ! โค้ดแบล็คในล็อบบี้! ฉันขอย้ำ! โค้ดแบล็ค!"
***
The Nightmare Spell first appeared in the world a few decades ago. Back then, the planet was just starting to recover from a series of devastating natural disasters and subsequent resource wars.
คาถาฝันร้ายปรากฏตัวครั้งแรกในโลกเมื่อสองสามทศวรรษที่แล้ว ในตอนนั้น โลกเพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามทรัพยากรที่ตามมา
At first, the emergence of a new disease that caused millions of people to complain about constant fatigue and sleepiness did not attract a lot of attention. But when they started to fall into an unnatural slumber, with no sign of waking up even days later, governments finally panicked. Of course, by then it was already too late — not that an early response could have made any difference.
ในตอนแรกการเกิดขึ้นของโรคใหม่ที่ทำให้ผู้คนนับล้านบ่นเกี่ยวกับความเหนื่อยล้าและความง่วงนอนอย่างต่อเนื่องไม่ดึงดูดความสนใจมากนัก แต่เมื่อพวกเขาเริ่มหลับใหลผิดธรรมชาติ และไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยแม้แต่วันต่อมา รัฐบาลต่างๆ ก็ตื่นตระหนกในที่สุด แน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว การตอบกลับตั้งแต่เนิ่นๆ จะสร้างความแตกต่างไม่ได้
When the infected started dying in their sleep, their dead bodies turning into monsters, no one was ready. Nightmare Creatures quickly overwhelmed national militaries, plunging the world into complete chaos.
เมื่อผู้ติดเชื้อเริ่มตายในขณะที่หลับ ศพของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาด ไม่มีใครพร้อม Nightmare Creatures ครอบงำกองทัพของประเทศอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง
No one knew what the Spell was, what powers it possessed, and how to fight it.
ไม่มีใครรู้ว่าคาถาคืออะไร มีพลังอะไร และจะต่อสู้กับมันได้อย่างไร
In the end, it was the Awakened — those who survived the first trials of the Spell and came back alive — who put a stop to its rampage. Armed with miraculous abilities earned in their Nightmares, they restored peace and created a semblance of a new order.
ในท้ายที่สุด มันเป็นพวก Awakened ซึ่งรอดชีวิตจากการทดลองครั้งแรกของคาถาและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งหยุดยั้งการอาละวาดของมันได้ ด้วยความสามารถอันน่าอัศจรรย์ที่ได้รับจาก Nightmares พวกเขาฟื้นคืนความสงบสุขและสร้างรูปลักษณ์ใหม่ของระเบียบใหม่
Of course, it was only the first of the catastrophes brought upon by the Spell. But as far as Sunny was concerned, none of it had anything to do with him — not until a few days ago, that is, when he first started having trouble with staying awake.
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงภัยพิบัติครั้งแรกที่เกิดจากเวทย์มนตร์เท่านั้น แต่เท่าที่ซันนี่กังวล ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นคือตอนที่เขาเริ่มมีปัญหาในการตื่นครั้งแรก
For an average person, being chosen by the Spell was as much of a risk as an opportunity. Kids learned survival skills and fighting techniques in school, on the off chance of being infected. Well-to-do families hired private tutors to train their children in all sorts of martial arts. Those from the Awakened clans even had access to powerful legacies, wielding inherited Memories and Echoes in their first visit to the Dream Realm.
สำหรับคนทั่วไป การถูกเลือกโดยเวทย์มนตร์นั้นมีความเสี่ยงพอๆ กับโอกาส เด็กๆ ได้เรียนรู้ทักษะการเอาชีวิตรอดและเทคนิคการต่อสู้ในโรงเรียน แม้จะมีโอกาสติดเชื้อ ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยได้จ้างครูสอนพิเศษส่วนตัวมาฝึกลูกๆ ของตนในศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท ผู้เหล่านั้นจากกลุ่ม Awakened สามารถเข้าถึงมรดกอันทรงพลัง โดยครอบครองความทรงจำและเสียงสะท้อนที่สืบทอดมาในการมาเยือนอาณาจักรแห่งความฝันครั้งแรก
The richer your family was, the better your chances of surviving and becoming an Awakened were.
ยิ่งครอบครัวของคุณร่ำรวยมากเท่าไร โอกาสที่จะมีชีวิตรอดและกลายเป็นอเวคก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
But for Sunny, who had no family to speak of and spent most of his time scrounging for food instead of going to school, being chosen by the Spell presented no opportunity at all. To him, it was basically a death sentence.
แต่สำหรับซันนี่ซึ่งไม่มีครอบครัวให้พูดถึงและใช้เวลาส่วนใหญ่คุ้ยหาอาหารแทนที่จะไปโรงเรียน การถูกเลือกโดยคาถานั้นไม่มีโอกาสเลย สำหรับเขาแล้ว มันเป็นโทษประหารชีวิต
***
A few minutes later, Sunny was yawning while several policemen were busy putting him in restraints. Soon he was fastened into a bulky chair that looked like a weird mix between a hospital bed and a torture device. The room they were in was situated in the basement of the police station, with thick armored walls and a formidable-looking vault door. Other officers were standing near the walls, with automatic rifles in their hands and grim expressions on their faces.
ไม่กี่นาทีต่อมา ซันนี่ก็หาวขณะที่ตำรวจหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการจับเขาขัง ในไม่ช้าเขาก็ถูกมัดเข้ากับเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ดูแปลก ๆ ระหว่างเตียงในโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทรมาน ห้องที่พวกเขาอยู่นั้นตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของสถานีตำรวจ โดยมีกำแพงหุ้มเกราะหนาและประตูห้องนิรภัยที่ดูน่าเกรงขาม เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ยืนอยู่ใกล้กำแพง โดยมีปืนไรเฟิลอัตโนมัติอยู่ในมือ และมีสีหน้าเคร่งขรึม
Sunny did not particularly care about them. The only thing he could think about was how much he wanted to sleep.
Finally, the vault door opened, and a gray-haired policeman walked in. He had a seasoned face and stern eyes, looking like someone who had seen a lot of terrible things in his life. After checking the restraints, the policeman glanced quickly on his wristwatch and then turned to Sunny:
"What's your name, kid?"
Sunny blinked a few times, trying to concentrate, then shifted uncomfortably.
"Sunless."
The old policeman raised an eyebrow.
"Sunless? That's a strange name."
Sunny tried to shrug, but found himself unable to move.
"What's so strange about it? At least I have a name. Back in the outskirts, not everyone even gets one."
After another yawn, he added:
"It's because I was born during a solar eclipse. My mom had a poetic soul, you see."
That's why he got this weird-ass name and his little sister was called Rain… back when she still lived with them, at least. Whether it was the result of poetic imagination or simple laziness, he did not know.
The old policeman grunted.
"Do you want me to contact your family?"
Sunny simply shook his head.
"There's no one. Don't bother."
For a second, there was a dark look on the policeman's face. Then his expression turned serious.
"Alright, Sunless. How long can you stay awake?"
"Uh… not long."
The policeman sighed.
"Then we don't have time for the full procedure. Try to resist for as long as you can and listen to me very carefully. Okay?"
Not waiting for a response, he added:
"How much do you know about the Nightmare Spell?"
Sunny gave him a questioning look.
"As much as anyone, I guess? Who doesn't know about the Spell?"
"Not the fancy stuff you see in dramas and hear in the propaganda broadcasts. I mean how much do you really know?"
That was a hard question to answer.
"Don't I just go into the Dream Realm, kill a few monsters to complete the First Nightmare, receive magic powers and become an Awakened?"
The old policeman shook his head.
"Listen carefully. Once you fall asleep, you will be transported inside your First Nightmare. Nightmares are trials created by the Spell. Once inside, you will meet monsters, sure, but you will also meet people. Remember: they are not real. They're just illusions conjured up to test you."
"How do you know?"
The policeman just stared at him.
"I mean, no one understands what the Spell is and how it works, right? So how do you know that they're not real?"
"You might have to kill them, kid. So do yourself a favor and just think about them as illusions."
"Oh."
The old policeman waited for a second, then nodded and continued.
"A lot of things about the First Nightmare depend on luck. Generally, it shouldn't be overwhelmingly hard. The situation you're in, the tools you have at your disposal and the creatures you have to defeat should be within the range of your abilities, at least. After all, the Spell sets up trials, not executions. You're a bit disadvantaged due to… well… your circumstances. But kids from the outskirts are tough. Don't give up on yourself just yet."
"Uh-uh."
Sunny was getting more and more sleepy. It was becoming hard to follow the conversation.
"About those "magic powers" you mentioned… you will indeed receive them if you survive until the end of the Nightmare. What those powers will be, exactly, depends on your natural affinity as well what you do during the trial. But some of it will be at your disposal right from the start…"
The voice of the old policeman sounded more and more distant. Sunny's eyelids were so heavy that he was struggling to keep his eyes open.
"Remember: the first thing you must do once inside the Nightmare is to check your Attributes and your Aspect. If you get a combat-oriented Aspect, something like a Swordsman or an Archer, things will be easier. If it is reinforced by a physical Attribute, then that's even better. Combat Aspects are the most common, so the probability of receiving one is high."
The armored room was growing dimmer.
"If you're unlucky and your Aspect has nothing to do with combat, don't despair. Sorcery and utility Aspects are useful in their own ways, you'll just have to be smart about it. There are really no useless Aspects. Well, almost. So just do anything in your power to survive."
"If you survive, you will be halfway to becoming an Awakened. But if you die, you'll open a gate for a Nightmare Creature to appear in the real world. Which means that my colleagues and I will have to deal with it. So… please don't die, Sunless."
Already half-asleep, Sunny felt a bit touched by the policeman's words.
"Or, at least, try to not die right away. The nearest Awakened won't be able to get here for a few hours, so we would really appreciate it if you don't make us fight that thing ourselves…"
'What?'
With that last thought, Sunny finally slipped into a deep slumber.
Everything became black.
And then, in the darkness, a faintly familiar voice rang:
[Aspirant! Welcome to the Nightmare Spell. Prepare for your First Trial…]